วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"อ.พังโคน" จัดงานบุญบั้งไฟสืบสานวัฒนธรรมประเพณี

สกลนคร - อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร จัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ
สืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดแต่บรรพบุรุษ
เผยความเชื่อท้องถิ่นหากหมู่บ้านใดไม่จัดงานบั้งไฟ อาจเกิด ภัยพิบัติ
ในชุมชน

วันนี้ (5 พ.ค.) ที่อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ได้จัดงานประเพณี
บุญบั้งไฟขึ้น โดยสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร
เป็นประธานเปิดงาน

นายสุรพล นิติกิจไพบูลย์
นายกเทศมนตรีตำบลพังโคนได้กล่าวรายงานถึงความเป็นมา
และวัตถุประสงค์ของการจัดงาน การจัดงานบุญบั้งไฟตำบลพังโคนว่าทาง
ประชาชนอำเภอพังโคน ทั้ง 5 ตำบล
ได้ตกแต่งบั้งไฟและขบวนแห่เข้าประกวดแข่งขันกันอย่างคึกคัก
ซึ่งแต่ละขบวนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ย้อนยุค อย่างสวยงาม
ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนาน
ท่ามกลางความสนใจของผู้ชมซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
แต่ละขบวนประดับประดาบั้งไฟกันอย่างสุดฝีมือ

พร้อมทั้งมีผู้แต่งกายเป็นท้าวผาแดง และ นางไอ่คำนั่ง
ประจำขบวนแห่บั้งไฟทุกขบวนสวยงามไปอีกรูปแบบหนึ่ง
เมื่อขบวนการแสดงฟ้อนรำประกอบดนตรีพื้นเมืองของท้องถิ่น
ของแต่ละหมู่บ้านเคลื่อนผ่านชุมชน ก็ได้รับความสนใจจากประชาชน ออกมา
ร่วมงานตลอดเส้นทางที่ขบวนผ่านจนถึงวัด และร่วมแรงร่วมใจกัน
จัดเวทีประกวดฟ้อนรำเซิ้งบั้งไฟ
โดยได้รับความสนใจจากทุกหมู่บ้านส่งตัวแทนผู้แสดงเข้าร่วมประกวดประชันขัน
แข่ง ด้วยลีลาท่าทางที่สวยสดงดงาม
เป็นที่สนุกสนานต่อผู้มาร่วมงานอย่างคึกคักบุญบั้งไฟ

นับเป็นประเพณีความเชื่อที่สำคัญในคนอีสาน นิยมทำกันในเดือน 6
ของทุกปี โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญ ได้แก่ จุดมุ่งหมายในการขอฝน
ชาวบ้านในภาคอีสาน ถือว่าบุญบั้งไฟเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญมาก
เพราะเชื่อว่าหากหมู่บ้านใดไม่จัดงานบั้งไฟก็อาจก่อให้เกิด ภัยพิบัติ
เช่น โรคภัยไข้เจ็บ หรือทุพภิกขภัยแก่ชุมชนได้
ในขณะที่ช่วงจัดงานนี้เป็นช่วงที่ ชาวบ้านมีงานต้องทำมาก
เนื่องจากเป็นฤดู ของการทำนาปี

ฉะนั้น ที่ประชุมผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องปรึกษาหารือกัน
เพื่อตัดสินใจว่าจะจัดหรือไม่ในปีนั้น หากตัดสินใจว่าจะไม่จัดแล้ว
ก็จำเป็นต้องไปทำพิธีที่ศาลปู่ตาของบ้าน
เพื่อขออนุญาตเลื่อนงานบุญนี้ไปในปีหน้า
การจัดงานและการละเล่นในประเพณีบุญบั้งไฟ
ในวันสุกดิบชาวบ้านจะจัดขบวนแห่บั้งไฟยังศาลปู่ตาของหมู่บ้าน
ทำพิธีเซ่นสรวง มีการจุดบั้งไฟที่ใช้ในการเสี่ยงทาย
เพื่อเสี่ยงทายดูความอุดมสมบูรณ์และความสำเร็จในการทำนาปีนั้น

จากนั้นก็พากันกินเหล้าฟ้อนรำ รอบศาลปู่ตาเป็นที่สนุกสนาน
จากนั้นก็พากันแห่บั้งไฟไปยังสถานที่จัดงาน
หรือหมู่บ้านที่จัดงานบุญบั้งไฟเพื่อจุดแข่งขันประกวดประชันกันต่อไป
ในปัจจุบันบั้งไฟที่ใช้จุดแข่งขัน มีหลากหลายที่นิยมเรียกกัน ได้แก่
บั้งไฟหมื่น บั้งไฟแสน บั้งไฟล้าน ซึ่งมีขนาดของดินปืนมากน้อย
แตกต่างกันไป ในช่วงที่มีการจุดบั้งไฟนั้นนับเป็นช่วงตื่นเต้นและสนุกสนาน
โดยเฉพาะช่างบั้งไฟจะต้องลุ้นมากกว่าใคร

เพราะ หากบั้งไฟไม่ขึ้นก็จะถูกโยนลงบ่อโคลน
นัยว่าเพื่อเป็นการลงโทษ แต่ปัจจุบันนั้น ไม่ว่าบั้งไฟจะขึ้น
หรือไม่ขึ้นก็จะมีการโยนโคลน เพื่อความสนุกสนานมากกว่า
ว่ากันว่าการทำบั้งไฟนั้นจะต้องมีการศึกษาเรียนรู้
มีครูและมีศิษย์สืบทอดกันมา โดยทั่วไปจะถ่ายทอดต่อกันเป็นคนๆ เท่านั้น
ไม่ใช่คนทั่วไปอยากเรียนก็จะเรียนได้หมด
ครูจะเลือกถ่ายทอดให้ตัวต่อตัวสำหรับศิษย์ที่ครูเห็นว่ามีไหวพริบ
และมีพรสวรรค์ด้านการทำบั้งไฟเท่านั้น

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000050205

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น